หน้าแรก... ตำนานวัดประดู่ หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประวัติ พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) ไหว้พระ/ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด แผนที่ในการเดินทางไปวัด

ประวัติ พระครูพิศาลจริยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข)

   ตำนานวัดประดู่ พระอารามหลวง
   หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
   หลวงปู่แจ้ง  ปุณยจนฺโท
   ประวัติเจ้าอาวาส (พระมหาสุรศักดิ์ฯ)  
   สำนักเขาพระพุทธบาท (ราชบุรี)
   ธรรมะจากหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์
   หัตถประติมากรรม " หุ่นดินสอพอง "
   พญาฉัททันต์ โพธิสัตว์
   CD เพลงชุด รวยแน่นๆ
   เว็บไซต์ www.watpradoo.com
   ติดต่อเราและแผนที่ / Facebook

   พระราชประวัติเสด็จประพาสต้น
   พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระสังฆราชฯ
   ศาลาเก๋งเรือ รัชกาลที่ 5
   พิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธา รัชกาลที่ 5
   ภาพวาดจิตรกรรมสมัยรัชกาลที่ 2
   ศูนย์สาธิตศิลปะการทำหัวโขน/เศียรครู
   ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด

   ตะกรุดต่างๆ ของวัดประดู่ฯ
      มหาระงับปราบหงสา
      พระพุทธเจ้าตรึงไตรภพ
      มงกุฏพรหม         พิสมรใบลาน
      มหาปราบ            โภคทรัพย
      โสฬสมงคล         ตะกรุด 8 ดอก
      ลูกอม(โลกธาตุ)   จันทร์เพ็ญ
      ตาลยอดเหี้ยน       สาริกา    
      วัวกินนมเสือ  หนูกินนมแมว
      ดาวล้อมเดือน       ตะกรุดอื่นๆ
   พระกริ่งหลวงพ่อใหญ่ วัดประดู่ฯ
   พระกริ่ง รุ่น ธรรมราชา
   พระกริ่ง - พระชัยวัฒน์ โสฬสมงคล
   พระกริ่งโภคทรัพย์ / พระกริ่งโลกธาตุ
   เหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ (หลวงพ่อใหญ่)

   พระพรหม-พระวิษณุกรรม-พระพิราพ

   พระพิฆเนศ พระมหาสุรศักดิ์ฯ
   พระสังกัจจายน์ พระมหาสุรศักดิ์ฯ
   พระสิวลี รุ่น รวยแน่นๆ และรุ่นอื่นๆ
   เหรียญบรมครูพ่อแก่
   เหรียญที่ระลึกสำนักเขาพระพุทธบาท
   วัตถุมงคลหลวงปู่ทวด วัดประดู่ฯ
   เหรียญหลวงปู่แจ้ง และเหรียญอื่นๆ
   รูปเหมือนพระบูชาหลวงปู่แจ้งฯ
   เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก
   เหรียญรูปเหมือน รุ่น สันติสุข
   เหรียญรูปเหมือนหันข้าง รุ่น เศรษฐี
   รูปหล่อปั๊มรุ่นแรก พระมหาสุรศักดิ์ฯ
   รูปหล่อพระบูชารูปเหมือน 12 นิ้ว
   พระสมเด็จหล่อโภคทรัพย์ / ซุ้มประตู
   พระผงขุนแผน พระมหาสุรศักดิ์ฯ
   พระสมเด็จ / พระเนื้อผงพิมพ์ต่างๆ
   ล็อกเก็ต / รูปภาพ / ผ้ายันต์
   เบี้ยแก้ / พ่อขุนทะเล พระมหาสุรศักดิ์ฯ
   เข็มขัดตะขาบไฟฯ / เครื่องรางอื่นๆ
   วัตถุมงคลเพิ่มเติมอื่นๆ 

   VCD ตำนานวัดประดู่ฯ 
   บวร (บ้าน วัด โรงเรียน)
   ศาลาเก่าภาพวาดจิตรกรรมวัดประดู่ฯ
   หอศิลป์ วัดประดู่ฯ
   มัคคุเทศก์น้อย วัดประดู่ฯ
 

                     ประวัติ และอิทธิปาฏิหาริย์ หลวงพ่อใหญ่ วัดประดู่ พระอารามหลวง
                     
หลวงพ่อใหญ่ (พระพุทธชินสีห์บารมีแสน) วัดประดู่ พระอารามหลวง  เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์โบราณ สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ศิลปะล้านช้าง พระวรกายประกอบด้วยหินศิลาแลง อายุประมาณ 500 ปี เป็นพระประธานคู่วัดประจำอุโบสถหลังเก่าซึ่งสร้างขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลายจนมาถึงสมัยท่านพระครูนิพัทธวรกาย (หลงปู่เอี้ยง สุวณฺณปทุโม) อดีตเจ้าอาวาสได้ทำการสร้างอุโบสถหลังใหม่ พ.ศ.2497 ได้ทำการรื้ออุโบสถหลังเดิม ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมากยากต่อการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม ่ได้จึงอาราธนาหลวงพ่อใหญ่ซึ่งเป็นพระประธานองค์เดิมขึ้นประดิษฐานในพระอุโบสถหลังใหม่ปัจจุบัน ซึ่งภายในสวยงามด้วยภาพเขียนผนังสีสันสดใสสวยงาม ตรงกลางด้านหลังพระประธาน เป็นภาพเขียนต้นพระศรีมหาโพธิ์ บริเวณด้านข้างหน้าต่างทั้งซ้าย และขวา มีเทวดาหุ่นปั้นประจำวันมากมาย

ภาพขยาย....      ภาพขยาย....      ภาพขยาย....

ภาพขยาย....      ภาพขยาย....      ภาพขยาย....

                     หลวงพ่อใหญ่พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ และมีความศักดิ์สิทธิ์มากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวงพ่อที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปหรอก หลวงพ่อใหญ่องค์จริงๆ ของท่านข้างในเป็นศิลาแลง
                     
ตามประวัติ รัชกาลที่ 1 ,รัชกาลที่ 5 ,รัชกาลที่ 6 ,สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ,พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เคยเสด็จมากราบนมัสการ และสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบัน ก็เคยเสด็จมากราบสักการะ  แต่ว่าท่านเป็นพระที่ชอบความเงียบสงบ
                     
ตอนที่อาตมาจัดพิธีฉลอง 100 ปีเสด็จประพาสต้น ก็ได้เปิดอุโบสถ เปิดไฟไว้ให้คนเข้าไปปิดทอง เห็นมีแผ่นทองปิดอยู่แค่ 2 แผ่น แต่คนที่มาวัดเต็มไปหมด เขาอาจจะมองข้ามไป หรือพระพลวงพ่อใหญ่ท่านไม่ชอบความวุ่นวายก็อาจจะเป็นไปได้
                     
หลวงพ่อใหญ่เป็นพระประธานมาแต่เดิมเลยนะ คราวที่หลวงปู่เอี้ยงท่านมาสร้างอุโบสถใหม่ ท่านก็เอาขึ้นประดิษฐานไว้ที่เหมือนเดิม เคยมีเด็กไปเล่นซ่อนหาอยู่หลังท่าน มีคนเห็นว่าท่านเอนหลังไปเหมือนแกล้งจะทับเพื่อไม่ให้มาเล่นหลังท่านอีก
                     
ตอนที่ซ่อมอุโบสถ แต่ทุนทรัพย์หมดเกลี้ยง ไม่เหลือเลย อาตมาก็เข้าไปบอกกล่าวท่าน " หลวงพ่อลูกหมดปัญญาแล้ว สงสัยหลวงพ่อต้องหาทุนซ่อมเองแล้วละ ปูหินอ่อนก็ได้ครึ่งเดียว หินอ่อนก็คนละสีกัน "
                     
แต่พออยู่มาวันหนึ่ง โยมวันชัยมาขอว่า " อาจารย์ผมขออนุญาตมาทาสีอุโบสถให้ทั้งข้างนอก และข้างในเลย อาจารย์จะอนุญาตใหม "
                     
อาตมาก็อนุญาตให้เขาทำ เขาก็เอาช่างมาเอง อาตมาไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับปัจจัยสักบาทเดียว จนเสร็จบริบูรณ์ เสร็จแล้วเพื่อนของโยมวันชัยมาเที่ยวแล้วเห็นปูหินอ่อนไว้แค่ครึ่งเดียว ก็เลยขออนุญาตปูให้เสร็จเลย
                     
วันหนึ่งอาตมาลงไปสวดนาคในอุโบสถ องค์หลวงพ่อซึ่งปิดทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 แต่พระลูกวัดเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เลยไปเช็ดองค์ท่าน จึงทำให้องค์ท่านเกิดรอยดำๆ ด่างๆ ดูแล้วไม่สวยงาม อาตมาก็บอกกล่าวกับท่านไปว่า " กระผมไม่มีปัญญาที่จะปิดทองหลวงพ่อ "
                     
พอบวชพระเสร็จฉลองเพลเสร็จก็มานั่ง โยมนฤมลซึ่งอาตมาก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็เข้ามาบอกว่า " พระอาจารย์ จะมาขอปิดทองหลวงพ่อให้ " อาตมาก็บอกกับพระลูกวัดให้พาโยมไปดู เขาก็จัดการพาช่างมาปิดทองทั้งหมดเลย เป็นอันว่าเสร็จบริบูรณ์ ท่านทำของท่านเอง เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรแต่พอถึงคราวอาตมาเองนะเวลาทำอะไรต่ออะไรอาตมาก็ไม่กล้าไปบอกท่านเหมือนกัน ไม่กล้าไปขอท่าน จะไปขอว่าช่วยลูกอย่างนั้นอย่างนี้ เดี่ยวท่านจะว่าไม่มีปัญญาทำแล้วมาเป็นสมภารทำไม
                     
หลวงพ่อใหญ่ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ลิเกนี่ท่านไม่ชอบเลยนะ ได้ว่าจ้างลิเกคณะ " ไชยา   มิตรชัย " แสดงโดยตั้งเวทีหันหน้าเวทีไปทางหลวงพ่อใหญ่ โอ้โห ฝนตกน้ำท่วมครึ่งแข้ง รถขบวนของไชยา มิตรชัย ออกไม่ได้
                     
อีกคราวหนึ่งทางวัดได้ว่าจ้างลิเกคณะ " พงษ์ศักดิ์  สวนศรี " มาเล่น ฝนตกน้ำครึ่งแข้งอีก แต่คริสติน่า อากีล่าร์ มาเล่นฝนไม่ตก แต่พอลิเกมาเล่นฝนกลับตก มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน หลวงพ่อใหญ่ท่านคงจะเคือง เพราะลิเกแต่งกายเหมือนกับพม่าท่านคงไม่ชอบ สังเกตจากว่าเวลาเล่นลิเกชอบเล่นเป็นเจ้าพม่าเป็นอะไรอย่างนี้ ท่านก็เลยไม่เอา แต่ละครนี่ชอบ
     
                อาตมาเคยแอบเข้าไปกราบบอกกล่าวหลวงพ่อใหญ่ว่า " นิมนต์หลวงพ่อโปรดลูกช้างเถอะ ลูกนี้ความมั่นคงถาวรยังไม่มีจึงสามารถเลี้ยงดูแลวัดได้แค่ช่วงอายุของลูกแค่นั้นเอง แต่หลวงพ่ออยู่คู่วัดมาตั้งแต่ต้นปฐมมาแล้วตลอดไปในภายภาคหน้า อยากอาราธนาให้หลวงพ่อโปรดลูกช้างด้วย "  
                     
โยมเชื่อไหม....พออาตมาออกมาจากอุโบสถก็มีคนเข้าไปหยอดตู้บริจาคได้ปัจจัย 4 - 5 พันบาท ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำพิธีกรรมอะไร เพียงแค่เข้าไปกราบอาราธนาท่านเท่านั้นเอง
                     
ครั้งหนึ่งครูเจือ  จิตรอร่าม เคยมาถามอาตมาว่า " ท่านมหา หลวงพ่อใหญ่วัดประดู่ คือองค์ไหน ผมเดินหาทั่ววัดแต่ไม่รู้องค์ไหน ท่านมหาพอจะรู้ไหม " อาตมาก็บอกว่า " อ้าว...ก็หลวงพ่อในโบสถ์ไง มีอะไรเหรอ "
                 
    
เขาบอกว่าเพื่อรับปากจะฝากให้หลานได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้า ทีแรกก็รับปากดี แต่พอพาหลานไปฝากเขากลับปฏิเสธ เด็กก็เสียใจ  ที่นี้ฝันว่าถ้าอยากให้หลานได้ทำงานที่นั่นก็ไปบนหลวงพ่อใหญ่สิ บนละครท่านโรงหนึ่งเดี๋ยวท่านจะช่วย เขาเลยมาตามหาหลวงพ่อใหญ่ตามความฝัน
                     
อาตมาก็เลยแนะนำให้ไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ในอุโบสถ เขาบนเรียบร้อยแล้วก็ตัดสินใจพาหลานไปสมัครงานอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้สามารถเอาหลานเข้าทำงานในการไฟฟ้าได้สำเร็จ
               
      อาตมาว่าหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อแจ้ง ท่านเทมาที่อาตมานี่แหละ บอกว่าสมภารเขาอยู่ก็ให้สมภารเขาก่อน ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้แน่นอนเลย คิดดูถนนรอบพระอุโบสถ และฟุตบาท อาตมาของบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบล ยังไม่ได้เลย เขาบอกวัดไม่ใช่ที่สาธารณะ มันเป็นนิติบุคคลเขาให้ไม่ได้ อยู่ๆ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาทำให้เฉยเลย หลวงพ่อท่านไม่ธรรมดา ท่านทำของท่านเอง สมภารความสามารถไม่ถึง ท่านให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาทำให้เลย ทำฟุตบาท ทำถนนให้เรียบร้อยเลย เราไม่ต้องไปยุ่ง
                     
ต่อมาผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาขออนุญาตเอาชื่อวัดเข้าไปเสนอขอแต่งตั้งเป็นพระอารามหลวง อาตมาปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่ 2 ก็ปฏิเสธ ครั้งที่ 3 ถ้าเราปฏิเสธอีกมันจะไม่ได้แล้ว เขาจะหาว่าเราเล่นตัว อาตมาก็บอกว่า เอาอย่างนี้ขอตัดสินใจก่อนนะ พอ ผอ.สำนักพุทธฯ กลับไปแล้ว อาตมาก็เลยขออธิษฐานจิตในกุฏิว่า " วันนี้หากหลวงพ่อจะอนุญาตให้เป็นพระอารามหลวงตามที่ท่าน ผอ.สำนักพุทธฯ มาขออนุญาต ถ้าลูกศิษย์เข้าไปในโบสถ์ก็ขอให้หลวงพ่อยิ้ม แต่ถ้าหากหลวงพ่อไม่อนุญาตก็ให้พระพักตร์วางเฉย หรือบึ้งตึงก็แล้วกัน "
                     
พอขึ้นบันไดเข้าไป หลวงพ่อใหญ่ท่านนั่งยิ้มเลย อาตมาก็เลยเอาประวัติวัดให้เขาไป เพราะหลวงพ่อท่านอนุญาตแล้ว   ตอนที่ทำประวัติวัดอาตมาก็ให้ทางพระสมุหฯ เขาถ่ายรูปวัด และเอาเก็บใส่แฟ้มปกแข็ง เสร็จแล้วก็ส่งไปให้ทาง ผอ.สำนักพุทธฯ โดยที่ทางวัดอื่นเขาเข้าเล่มเดินปกสีทองอย่างดี แต่วัดประดู่ใส่แฟ้มอย่างเดียว แต่กลับมาเด่นกว่าเขา เขาดึงแฟ้มนั้นมาดูมาพิจารณาก่อน เพราะแต่ละเล่มมันหนามากนะ มีแฟ้มแล้วก็มีซีดีด้วย ก็เลยได้รับพิจารณาติดวัดที่ 9 พอดีเลย แต่อาตมาอุ่นใจอย่างคือหลวงพ่อท่านก็ยิ้ม ยิ้มให้เราเห็นแล้ว แสดงว่าอนุมัติแล้ว
                     
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาขอโชคขอลาภจากท่านอยู่เป็นประจำ คือเหมือนกับเรามีความรู้สึกเองว่า เออสมภารเขาอุตส่าห์มาอาราธนา ทำตามเจตนาเขาหน่อยก็แล้วกัน แต่พออยู่มาๆ มันเริ่มรำคาญ ลูกช้างมีแต่เรื่องเดือดร้อนมาหา ก็เลยปิดซะอีก เหมือนกับว่าท่านก็พยายามแล้ว แต่ท่านก็คงรำคาญ ยังไม่ชิน ชอบอยู่เงียบๆ แต่บางวันก็ยิ้มนะ นั่งยิ้มแก้มปริเลย แต่บางวันหน้าบึ้งเหมือนท่านโกรธเลย

ภาพขยาย....      ภาพขยาย....      ภาพขยาย....

ภาพขยาย....      ภาพขยาย....      ภาพขยาย....

ภาพขยาย....      ภาพขยาย....      ภาพขยาย....

ภายในอุโบสถวัดประดู่ พระอารามหลวง เป็นที่ประดิษยฐานพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้า (แห่งเดียวในประเทศไทย)

                     เคล็ดวิธีขอพรจาก หลวงพ่อใหญ่
                     
พิธีอธิษฐานก็จับสายสิญจน์แล้วก็อธิษฐานนึกถึงท่าน มันเหมือนกับว่าจิตถึงท่าน วิธีนี้ใช้มานานแล้วต้องตั้งใจให้แน่วแน่ เหมือนกับจิตของเราเดินตามสายสิญจน์ เหมือนพระพุทธาภิเษกไปถึงท่าน ท่านก็ส่งมาถึงเรา

 

 

:: ขอขอบคุณ คณะศิษย์วัดประดู่ ทุกท่าน...ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล ::